รายชื่อหุ่นยนต์ในแต่ละภาค
Gundam SEED
GAT-X105 Strike Gundam (สไตรค์กันดั้ม)
1 ในกันดั้มทั้ง 5 ที่พันธมิตรโลกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโต้ MS ของ ZAFT ของพันธมิตรโลก สไตรค์กันดั้มเป็นรุ่นแรกที่นอกจากเกราะ Phase Shift(PS) แล้วจุดเด่นของสไตรค์ก็คือความสามารถการปฏิบัติการในสภาวะต่างๆโดยการติด ตั้ง"สไตรเกอร์แพ็ค" (คล้ายๆมิชชั่นแพ็คของ F90) เพื่อให้สไตรค์กันดั้มสามารถใช้งานได้ในหลายๆสถานการณ์ สไตรค์กันดั้มที่ไม่ได้ติดตั้งสไตรเกอร์แพ็คนั้นเป็น MS ที่มีความคล่องแคล่วสูง สไตรค์กันดั้มสามารถถอดและเปลี่ยนสไตรเกอร์แพ็ค ต่างๆกลางสนามรบได้โดยอาศัยเครื่องบินรบสกายแกรสเปอร์บรรทุกสไตรเกอร์แพ็ค ให้โดยไม่ต้องกลับไปที่ยานแม่ แต่เนื่องจากการทำแบบนี้จะต้องปิดเกราะ PS ลงชั่วคราวระหว่างการเปลี่ยนสไตรเกอร์แพ็คจึงไม่ได้เห็นบ่อยนัก สไตรค์กันดั้มเป็นกันดั้มเพียงตัวเดียวจาก 5 ตัวแรกที่ไม่ได้ถูก ZAFT ขโมยไป เนื่องจากระบบปฏิบัติการของสไตรค์กันดั้มนั้นไม่สมบูรณ์ ทำให้มีเพียงโคออร์ดิเนเตอร์ คิระ ยามาโตะเท่านั้นที่สามารถปรับแต่งระบบปฏิบัติการและใช้งานสไตรค์กันดั้มได้ อย่างมีประสิทธิภาพสไตรค์กันดั้มพบจุดจบเมื่อมูว์เอาสไตรค์ไปป้องกันอาร์คแอ งเจิ้ลจากปืนโลเอนกรีนของโดมิเนียน
สูง : 17.72 เมตร
หนัก : เมื่อติดอาวุธหนัก 64.8 ตัน
อาวุธ : ปืนออโต้เมติกขนาด 75mm.x2,มีดสั้นx2
คนขับ : คิระ ยามาโตะ(Kira Yamato),มูว์ ลา ฟราก้า(Mu La Flaga)
ZGMF-X23S Saviour Gundam (เซเวอร์กันดั้ม)
1 ในกันดั้มซีรีส์รุ่นเซคันด์สเตจของ ZAFT ที่พัฒนาหลังสงครามวาเลนไทน์เลือด เนื่องจากสนธิสัญญายูเนียสได้ห้ามการใช้นิวตรอนแจมเมอร์แคนเซลเลอร์ในทาง ทหาร ทำให้กันดั้มรุ่นใหม่เหล่านี้ต้องใช้แบตเตอรีเหมือน MS ทั่วๆไป แต่กันดั้มรุ่นเซคันด์สเตจจะสามารถชาร์จพลังงานให้แบตเตอรีด้วยระบบส่ง พลังงานลำแสงดิวเทเรียมของยานมิเนอร์วาได้ เกราะ PS ของกันดั้มรุ่นเซคันด์สเตจยังได้รับการปรับปรุงเป็น VPS(Variable Phase Shift) ที่พัฒนาต่อมาจากข้อมูลของ PS อาเมอร์เปลี่ยนสีได้ของสไตรค์รูจ ซึ่งสามารถปรับค่าพลังงานที่ใช้และพลังป้องกันได้และจะทำให้สีเปลี่ยนไป
เซเวอร์พัฒนามาจาก ZGMF-YX21R โปรโตเซเวอร์ซึ่งภายหลังถูก LOGOS ขโมยไปเปลี่ยนโค้ดเป็น RGX-04 จุดเด่นของเซเวอร์ก็คือร่าง MA ที่มีความเร็วสูง อาวุธหลักของเซเวอร์ก็คือพลาสม่าบีมแคนน่อนขนาดใหญ่ "แอมฟอร์ทัส" 2 กระบอกซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งใน 2 โหมด พลาสม่าบีมแคนน่อนนี้ยังติดตั้ง "ซูเปอร์ฟอร์ทิส" ซึ่งเป็นบีมกันขนาดเล็กเสริมเอาไว้ด้วย ส่วนอาวุธอื่นๆก็มีวัลแคน (มีแบบติดหัว 20 มม.และ"ปิคัส" 76 มม.เหมือนของฟรีด้อม),บีมไรเฟิลและบีมเซเบอร์ "วัชระ" เซเวอร์ถูกพัฒนาแยกจากเครื่องอื่นๆในรุ่นเดียวกัน กิลเบิร์ต ดูแลนดัลได้มอบเซเวอร์ให้อัสรันที่กลับมาร่วมกับ ZAFT ภายหลังได้รับความเสียหายจากการต่อสู้กับคิระจนหมดสภาพ
สูง : 18.16 เมตร
หนัก : 77.13 ตัน
คนขับ : อัสรัน ซาล่า(Athrun Zala)
ผู้ออกแบบ : คุนิโอะ โอคาวาระ(Kunio Okawara)
ZGMF-X10A Freedom Gundam (ฟรีด้อมกันดั้ม)
1 ในกันดั้มที่ ZAFT พัฒนาขึ้นมาจากกันดั้มที่ขโมยมาได้ ซึ่งกันดั้มรุ่นนี้มีเทคโนโลยี Nแจมเมอร์ แคนเซลเลอร์ ซึ่งทำให้กันดั้มทั้งสามไม่ได้รับผลจาก Nแจมเมอร์ จึงใช้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิชชั่นเป็นแหล่งพลังงานแทนที่จะเป็นแบตเตอรี เหมือน MS ทั่วๆไป ซึ่งพลังงานอันมหาศาลนี้ทำให้กันดั้มทั้งสามสามารถปฏิบัติการได้เป็นเวลานาน แม้จะใช้ PS ก็ตาม
คิระ ยามาโตะได้ขโมยฟรีด้อมกันดั้มจาก ZAFT ได้ด้วยความช่วยเหลือของลักซ์ ไคลน์และเข้าสมทบกับหน่วยอาร์คองเจิ้ลในการรบที่อลาสก้า ซึ่งภายหลังคิระและหน่วยอาร์คแองเจิ้ลที่เหลือไปเข้ากับอาณาจักรอ็อบ ต่อมายังได้รับการสมทบจากลักซ์ ไคลน์ซึ่งได้ขโมยยานอีเธอนัลมาด้วย ในยานลำนี้มีอาวุธซึ่งใช้ประกบกับจัสติสกันดั้มและฟรีด้อมกันดั้มอยู่ นั่นก็คือมีเทีย(METEOR = Mobile suit Embedded Tactical EnfORcer) ซึ่งเมื่อประกอบกับฟรีด้อมกันดั้มแล้วจะทำให้ฟรีด้อมกันดั้มมีพลังสูงขึ้น ด้วยอาวุธหลากชนิดของมีเทีย ฟรีด้อมกันดั้มได้รับความเสียหายอย่าหนักในการต่อสู้กับโปรวิเดนซ์กันดั้ม ของรอว์ เลอ คลูเซ่ในวันสุดท้ายของสงครามวาเลนไทน์เลือด แต่ได้รับการซ่อมแซมจนสมบูรณ์โดยอ็อบในภายหลัง
สูง : 18.03 เมตร
หนัก : เมื่อติดอาวุธหนัก 71.5 ตัน
อาวุธ : บีมซาเบลx2,บีมไรเฟิ้ล,วัลแคนขนาด 76mm.x2,
เรลแคนน่อนx2"ซีเฟียส"(Xiphias) : ติดอยู่ที่ส่วนเอว
พลาสม่าแคนน่อนคู่"บาลาเอน่า"(Balaena) : จะติดอยู่ในปีกข้างหลัง เวลายิงจะวางไว้บนไหล่ทั้ง 2 ข้าง,
Hi-MAT(High-Mobility Aerial Tactical) : ฟรีด้อมจะกางปีกเพื่อเพิ่มการ ขับเคลื่อนและบาลาเอน่ากับซีเฟียสจะอยู่ในสภาพเตรียมยิง ทำให้ฟรีด้อมกันดั้ม สามารถเคลื่อนไหวพร้อมๆกับโจมตีศัตรูได้อย่างรวดเร็ว
คนขับ : คล๊อทโท บัวร์(Clotho Buer)
MBF-M1 M1 Astray (เอ็มวัน แอสเทรย์)
MBF-M1 M1 Astray(เอ็มวัน แอสเทรย์) เป็นหุ่นรุ่นผลิตจำนวนมากของอ็อบ ที่มีต้นแบบมาจากหุ่นรุ่นต้นแบบมาจาก Red Frame , Blue Frame และ Gold Frame ซึ่งเป็นหุ่นที่สร้างขึ้นมาอย่างลับๆ ใน Heliopolis แต่ใช้เกราะที่มีคุณภาพต่ำกว่า ด้านหลังจะมีไฟลท์แพ็คซึ่งดัดแปลงมาจากเอลสไตรเกอร์ของกลุ่มพันธมิตรโลก เอ็มวัน แอสเทรย์เหมือนหุ่นทั่วๆ ไปคือติดอาวุธเพียงแค่ปืนวัลแคน บีมเซเบอร์ และบีมไรเฟิลซึ่งเป็นอาวุธโดยพื้นฐานอยู่แล้ว แต่ว่าระหว่างที่พัฒนาตัวหุ่นได้ประสบปัญหาในการสร้างระบบ OS ขึ้นมาเนื่องจากด้อยประสิทธิภาพ ดร.เอริก้า ซิมม่อน หัวหน้าทีมวิจัยจึงขอร้องให้คิระ ยามาโตะ สร้าง OS ขึ้นมาให้กับ M1 Astray โดยคิระได้สร้างระบบ OS ขึ้นมาเองโดยใช้ระบบ OS จาก GAT-X105 Strike Gundam เป็นต้นแบบ และเพราะระบบ OS ตัวใหม่ที่คิระสร้างขึ้น ทำให้นักบินเนเชอรัลนั้นสามารถต่อสู้ได้เทียบเคียงกับโคออดิเนเตอร์เลยที เดียว นอกจากนั้นเอ็มวัน แอสเทรย์ยังผลิตรุ่นแบบที่ใช้ปฏิบัติการทางอวกาศโดยใช้ชื่อว่า MBF-M1A M1A Astray
สูง : 17.53 เมตร
หนัก : 53.5 ตัน
ผู้ผลิต : Morgenroete, Inc
ฝ่าย : Orb Union/Three Ships Alliance
ใช้งานครั้งแรก : ปี C.E. 71
พลังงาน : พลังงานแบ็ตเตอรี่ ขนาดเล็ก
อาวุธ : "Igelstellung" 75mm multi-barrel CIWS(ปืนวัลแคน) 2 กระบอก : ติดตรงส่วนหัวของหุ่น,
Type 70 beam saber 2 เล่ม : ติดตรงส่วนด้านหลังไหล่ของหุ่น,
Type 71 beam rifle 1 กระบอก
คนขับ : คางาริ ยูระ อัสฮา(Cagalli Yula Athha)
ผู้ออกแบบ : คุนิโอะ โอคาวาระ
GAT-X370 Raider Gundam (ไรเดอร์กันดั้ม)
1 ในกันดั้มรุ่นใหม่ที่พันธมิตรโลกพัฒนาขึ้นมา ซึ่งกันดั้มนี้เปลี่ยนระบบเกราะเป็นแบบ Trans Phase (เรียกสั้นๆว่า TP) ซึ่งพัฒนามาจากเกราะเฟสชิฟท์ของรุ่นแรก โดยเกราะทรานส์เฟสนั้นจะไม่เปลี่ยนสีและทำงานเฉพาะส่วนที่ถูกโจมตีเท่านั้น แตกต่างจากเกราะเฟสชิฟท์ซึ่งต้องเปิดใช้งานทุกส่วนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกราะทรานส์เฟสมีพลังป้องกันสูงกว่าและใช้พลังงานน้อยกว่าเช่นกัน
เรดเดอร์กันดั้มเป็น MS แบบแปลงร่างได้ที่พัฒนาต่อจากอีจิสกันดั้มโดยมีร่าง MA ที่มีความเร็วมากกว่าอีจิสกันดั้มและสามารถบินบนโลกได้ เรดเดอร์กันดั้มในร่าง MA ยังมีกำลังมากพอที่จะเป็นฐานยืนให้คาลามิตี้กันดั้ม สำหรับบินกลางอากาศได้ เรดเดอร์กันดั้มได้ใช้งานครั้งแรกเมื่อพันธมิตรโลกได้โจมตีอาณาจักรอ็อบ โครโท บูเออร์ซึ่งเป็นนักบินนั้นเป็นมนุษย์ดัดแปลงที่มีปฏิกิริยาเทียบได้กับโค ออร์ดิเนเตอร์ จึงสามารถใช้ OS ซึ่งซับซ้อนมากได้ เรดเดอร์กันดั้มถูกดูเอลกันดั้มของอิซาค จูลทำลายในการสู้รบที่ยาคินดูเอ้
สูง : 17.94 เมตร
หนัก : เมื่อติดอาวุธหนัก 84.9 ตัน
อาวุธ : เอเนอร์จี้แคนน้อนขนาด 100mm.,พลาสม่าแคนน้อนx2,แมชชีนกันขนาด 80mm.,แมชชีนกันขนาด 76mm.x2,
ลูกตุ้มยักษ์"มอลนิล" : มีน้ำหนักมากจนสามารถสร้างความเสียหายกับเกราะ PS ได้ สายเคเบิลโยงจากมือจับของลูกตุ้มนี้ยังฉาบบีมโค้ตไว้ เมื่อแกว่งหมุนด้วยความเร็วจึงสามารถใช้ป้องกันกระสุนบีมของศัตรูได้,
กงเล็บ : อยู่ที่ส่วนเท้าของ MS ติดตั้งปืนพลาสม่าสำหรับใช้ในระยะประชิดตัวไว้ ซึ่งจะใช้งานโดยจับศัตรูแล้วยิงหรือใช้เหมือนบีมเซเบอร์เข้าแทงศัตรู
คนขับ : คล๊อทโท บัวร์(Clotho Buer)
GAT-X252 Forbidden Gundam (ฟอร์บิเด้นกันดั้ม)
1 ในกันดั้มรุ่นใหม่ที่พันธมิตรโลกพัฒนาขึ้นมา ซึ่งกันดั้มนี้เปลี่ยนระบบเกราะเป็นแบบ Trans Phase (เรียกสั้นๆว่า TP) ซึ่งพัฒนามาจากเกราะเฟสชิฟท์ของรุ่นแรก โดยเกราะทรานส์เฟสนั้นจะไม่เปลี่ยนสีและทำงานเฉพาะส่วนที่ถูกโจมตีเท่านั้น แตกต่างจากเกราะเฟสชิฟท์ซึ่งต้องเปิดใช้งานทุกส่วนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกราะทรานส์เฟสมีพลังป้องกันสูงกว่าและใช้พลังงานน้อยกว่าเช่นกัน
ฟอร์บิดเดนกันดั้มมีจุดเด่นคือแบ็คแพ็คขนาดใหญ่ด้านหลัง ซึ่งเมื่อใช้งานจะพับขึ้นมาคลุมส่วนหัวของฟอร์บิดเดนกันดั้มไว้ เกราะนี้มีระบบเกชไมดิคแพนเซอร์ (Geschmeidig Panzer) โดยใช้อนุภาคมิราจคอลลอยด์เบี่ยงทิศทางของพลังงานโดยรอบ ทำให้สามารถป้องกันการโจมตีด้วยอาวุธบีมได้ แบ็คแพ็คนี้ยังติดตั้งเรลกัน "เอคแซน" ไว้ 2 กระบอก ซึ่งฟอร์บิดเดนสามารถสร้างสนามพลัง เพื่อเบี่ยงวิถีของปืนพลาสม่า "เฮรสเวลก์" ที่อยู่ตรงกลางได้ ทำให้ลำแสงของเฮรสเวลก์นั้นยิงเป็นเส้นโค้งจึงคาดเดาวิถีได้ยาก ฟอร์บิดเดนกันดั้มได้ใช้งานครั้งแรกเมื่อพันธมิตรโลกได้โจมตีอาณาจักรอ็อบ ชานิ แอนดราสซึ่งเป็นนักบินนั้นเป็นมนุษย์ดัดแปลงที่มีปฏิกิริยาเทียบได้กับโค ออร์ดิเนเตอร์ จึงสามารถใช้ OS ซึ่งซับซ้อนมากได้ ฟอร์บิดเดนกันดั้มถูกดูเอลกันดั้มของอิซาค จูลทำลายในการสู้รบที่ยาคินดูเอ้
สูง : 17.47 เมตร
หนัก : เมื่อติดอาวุธหนัก 85.33 ตัน
อาวุธ : เคียวขนาดใหญ่"นีดฮอก"(Nidhoggr),ปืนกลติดแขนขนาด 115mm."อาร์มไฟเออร์"(Armfeuer),เรลกันขนาด 88mm.x2,75mm automatic multi-barrel CIWS "Igelstellung"x2,
พลาสม่าแคนน่อน"เฮรสเวลก์"(Hresvelgr) :สามารถยิงเป็นเส้นโค้งได้,
ระบบเกราะ "Geschmeidig Panzer" : ใช้ป้องกันตัวจากอาวุธบีมได้พัฒนามาจากอนุภาคมิราจคอลลอยด์ โดยแทนที่จะใช้เบี่ยงเรดาร์และแสงก็ใช้ในการเบี่ยงอนุภาคของบีมออกไปแทน
คนขับ : ชานี่ แอสเดรส(Shani Andres)
GAT-X207 Blitz Gundam (บลิทซ์กันดั้ม)
1 ในกันดั้มทั้ง 5 ที่พันธมิตรโลกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโต้ MS ของ ZAFT บริทซ์กันดั้มถูกสร้างมาเพื่อการรบระยะประชิดและการพรางตัวโดยเฉพาะนอกจาก เกราะ PS แล้ว เกราะของบลิทซ์กันดั้มยังมีอนุภาคอีกแบบซึ่งทำหน้าที่เป็นสารสร้างภาพลวง ตา(Mirage Colloid) ซึ่งเมื่อใช้สารนี้แล้วบลิทซ์กันดั้มจะอยู่ในสภาพล่องหนโดยสมบูรณ์จากสายตา ของมนุษย์หรือเซ็นเซอร์ใดๆ แต่เจ้าสารอนุภาคนี้ก็ต้องการพลังพอๆกับ PS และไม่สามารถใช้ร่วมกับ PS ได้ นิโคล อัลมาร์ฟีเป็นผู้ขโมยบลิทซ์กันดั้มและได้ใช้ความสามารถของบลิทซ์กันดั้ม ทำลายการป้องกันของปราการอวกาศอัลเธมิสของสหพันธ์ยูเรเซียน (1 ในกลุ่มพันธมิตรโลก) ซึ่งว่ากันว่าไม่มีวันตีแตกได้ นิโคลและบลิทซ์กันดั้มได้เข้าโจมตียานอาร์คแองเจิ้ลจนกระทั่งถูกสไตรค์กัน ดั้มทำลายในที่สุด
สูง : 18.63 เมตร
หนัก : เมื่อติดอาวุธหนัก 73.5 ตัน
อาวุธ : ตะขอ"เกลย์ปนิล"(Gleipnir),บีมเซเบอร์,บีมไรเฟิล,
"ไทรเครอส"(Trikeros) : ติดอยู่ที่แขนขวาเป็นได้ทั้งโล่,
มีลิ่มโลหะx3 : ใช้โจมตีได้อย่างต่อเนื่อง
คนขับ : นิโคล อัลมาร์ฟี(Nicol Amalfi)
GAT-X131 Calamity Gundam (คาลามิตี้กันดั้ม)
1 ในกันดั้มรุ่นใหม่ที่พันธมิตรโลกพัฒนาขึ้นมา ซึ่งกันดั้มนี้เปลี่ยนระบบเกราะเป็นแบบ Trans Phase (เรียกสั้นๆว่า TP) ซึ่งพัฒนามาจากเกราะเฟสชิฟท์ของรุ่นแรก โดยเกราะทรานส์เฟสนั้นจะไม่เปลี่ยนสีและทำงานเฉพาะส่วนที่ถูกโจมตีเท่านั้น แตกต่างจากเกราะเฟสชิฟท์ซึ่งต้องเปิดใช้งานทุกส่วนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกราะทรานส์เฟสมีพลังป้องกันสูงกว่าและใช้พลังงานน้อยกว่าเช่นกัน
คาลามิตี้กันดั้มมีพื้นฐานโครงสร้างเป็นแบบ X-100 ซีรี่ส์เหมือนกันมีความคล้ายบัสเตอร์กันดั้ม (Buster Gundam) ออกแบบสำหรับ การโจมตีระยะไกลแบบปืนใหญ่ ได้ใช้งานครั้งแรกเมื่อพันธมิตรโลกได้โจมตีอาณาจักรอ็อบ ออร์ก้า ซับนัคซึ่งเป็นนักบินนั้นเป็นมนุษย์ดัดแปลงที่มีปฏิกิริยาเทียบได้กับโค ออร์ดิเนเตอร์ จึงสามารถใช้ OS ซึ่งซับซ้อนมากได้ คาลามิตี้กันดั้มถูกทำลายในการต่อสู้กับจัสติสกันดั้มของอัสรัน ซาล่าในการต่อสู้ที่ยาคินดูเอ้
สูง : 18.26 เมตร
หนัก : เมื่อติดอาวุธหนัก 81.48 ตัน
อาวุธ : ปืนพลังงานหลายทิศทางขนาด 580mm.,ปืนพลังงานสูงระยะไกลคู่ขนาด 125mm.,ปืนอัดกระแทกคู่ขนาด 115 mm.,บาซูก้าพลาสม่าทำลายล้างขนาด 337mm.
คนขับ : ออร์ก้า แส๊บแนก(Orga Sabnak)
ผู้ออกแบบ : คุนิโอะ โอคาวาะ(Kunio Okawara)
GAT-X102 Duel Gundam (ดูเอลกันดั้ม)
1 ในกันดั้มทั้ง 5 ที่พันธมิตรโลกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโต้ MS ของ ZAFT ของพันธมิตรโลก สร้างมาเพื่อตอบโต้กับจินน์ของ ZAFT โดยได้รับความช่วยเหลือจากสถาบันมอเกนเรตของอ็อบ เนื่องจากเป็น MS ตัวแรกของพันธมิตรเลยเน้นไปที่การรบระยะประชิดตัวเหมือน MS ทั่วๆไป แม้จะเป็นกันดั้มตัวแรกแต่ก็มีเกราะ PS และอิซาค จูลผู้ที่ขโมยดูเอลกันดั้มมาให้กับ ZAFT และได้ใช้ดูเอลกันดั้มเข้าโจมตียานอาร์คแองเจิ้ลของพันธมิตรมาตลอดจนกระทั่ง โดนสไตรค์กันดั้มของคิระ ยามาโตะเล่นงานจนดูเอลเสียหายอย่างหนัก ZAFT ก็ได้ปรับปรุงดูเอลกันดั้มโดยเสริมเกราะ "แอสซอล์ทเชราด์(Assault Shroud)" โดยภายนอกจะเป็นเกราะเสริมความแข็งแกร่งแล้วยังติดตั้งอาวุธเพิ่มขึ้นอีก ด้วย แต่เนื่องจากเกราะนี้มีน้ำหนักมากเมื่อติดตั้งเข้าไปแล้วความคล่องแคล่วของ ดูเอลกันดั้มจะลดลงและเกราะนี้ไม่มี PS ป้องกัน
สูง : 17.5 เมตร
หนัก : น้ำหนักเปล่าหนัก 69.1 ตันเมื่อติดอาวุธหนัก 103.47 ตัน
อาวุธ : บีมเซเบอร์x2,วัลแคนx2,ไฮเปอร์บาซูก้า,มิสไซล์ลันเชอร์ 5 ลำกล้อง,
บีมไรเฟิลพลังสูง : โดยในตัวปืนยังติดเกรเน็ดลันเชอร์ไว้ด้วย,
เรลกันขนาด 115mm. : ปืนที่ใช้สนามแม่เหล็กยิงกระสุนด้วยความเร็วสูงกว่าปกติ โดยกระสุนจะมีแสงตามไปเป็นทางติดอยู่ที่ไหล่
คนขับ : อิซาค จูล(Yzak Joule)
GAT-X103 Buster Gundam (บัสเตอร์กันดั้ม)
1 ในกันดั้มทั้ง 5 ที่พันธมิตรโลกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโต้ MS ของ ZAFT ของพันธมิตรโลก ที่สร้างมาโดยเน้นการยิงโจมตีระยะไกล บัสเตอร์กันดั้มถูกขโมยไปโดยดิอัคก้า เอลส์แมนซึ่งก็ใช้บัสเตอร์เข้าโจมตีอาร์คแองเจิ้ลมาตลอดจนกระทั่งบัสเตอร์ กันดั้มได้รับ ความเสียหายอย่างหนักทำให้เดอาร์กาต้องยอมแพ้และถูกจับเป็นเชลย เมื่อยานอาร์คแองเจิ้ลได้หันไปเข้ากับอาณาจักรอ็อบที่โดนพันธมิตรโลกโจมตี เดอาร์กาก็ใช้บัสเตอร์กันดั้มร่วมต่อสู้เคียงข้างกับฝ่ายอาณาจักรอ็อบแทนภาย หลังในศึกสุดท้ายบัสเตอร์กันดั้มก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักในการต่อสู้ กับโปรวิเดนซ์กันดั้มของรอว์ เลอ ครูเซ่ ในการต่อสู้ที่ยาคินดูเอ
สูง : 18.86 เมตร
หนัก : เมื่อติดอาวุธหนัก 84.2 ตัน
อาวุธ : กันลันเชอร์ขนาด 350mm.,
ไรเฟิลพลังงานสูง : สามารถนำมาประกอบกับกันลันเชอร์เพื่อเพิ่มพลังทำลายได้,
มิสไซล์ลันเชอร์แบบ 6 ลำกล้องx2 : ติดอยู่ที่ไหล่ทั้ง 2 ข้าง
คนขับ : ดิอัคก้า เอลส์แมน(Dearka Elsman)